วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ความสัมพันธุ์ระหว่างประชากรกับสิ่งแวดล้อม

สาระสำคัญ



        การเพิ่มจำนวนประชากรทำให้ความต้องการในการใช้ทรัพยากรเพิ่มมากขึ้น อันนำไปสู่ปัญหาทรัพยากร
ธรรมชาติถูกทำลายและปัญหาสภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม ซึ่งปัญหาดังกล่าวเหล่านี้ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการ
ดำรงชีวิตของมนุษย์ ดังนั้นคุณภาพชีวิตของประชากรจึงขึ้นอยู่กับจำนวนประชากร และสิ่งแวดล้อมที่มีความสมดุลกัน



ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง



1. อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างประชากรกับสิ่งแวดล้อมได้
2. อธิบายความหมายของคุณภาพชีวิต และสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมที่มีผลต่อคุณภาพชีวิตของ
    ประชากรได้
3. อธิบายภาวะประชากร และปัญหาสิ่งแวดล้อมอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงภาวะประชากรในประเทศทีพัฒนา
    แล้วและกำลังพัฒนาได้



         ประชากรกับสิ่งแวดล้อมทีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน และความสัมพันธ์ดังกล่าวค่อนข้างสลับซับซ้อน เนื่อง
จากประชากรและสิ่งแวดล้อมมีกำหนดซึ่งกันและกัน เช่น ขนาดของประชากรถูกกำหนดโดยอาหาร กล่าวคือ โดย
ความเป็นจริงจำนวนประชากรจะเพิ่มได้เร็วกว่าความสามารถในการผลิตอาหารเพื่อยังชีพ ซึ่งหากไม่มีมาตรการ
ยับยั้งการเพิ่มประชากรแล้ว ก็จะก่อให้เกิดความอดอยากในหมู่ประชากรได้ ดังนั้น การเพิ่มประชากรจึงเป็นปัจจัย
พื้นฐานต่อปัญหาของมนุษยชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาสิ่งแวดล้อม
         
ปัญหาสิ่งแวดล้อมและความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติที่เกิดขึ้นในประเทศต่างๆ นั้นส่วนใหญ่เป็น
ผลจากการกระทำของมนุษย์ทั้งสิ้น ทั้งนี้เนื่องมาจากความต้องการกินดีอยู่ดี และจำนวนการใช้ทรัพยากรธรรมชาติก็
ขึ้นอยู่กับจำนวนคนที่ใช้ ดังนั้นเมื่อประชากรเพิ่มมากขึ้น ความต้องการในปัจจัยต่าง ๆ ก็ย่อมเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย เพราะการใช้ทรัพยากรธรรมชาติก็สูงขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น เช่น มีความต้องการที่ดินเพื่อปลูกพืช
สำหรับบริโภคเองหรือเพื่อขาย ทำให้ต้องตัดไม้ทำลายป่าในพื้นที่ขนาดใหญ่ เพื่อนำพื้นที่นั้นมาเพาะปลูกพืชเพื่อการ
บริโภคและขาย การตัดไม้ทำลายป่าทำให้พื้นที่ที่เคยชุ่มชื้นกลายเป็นพื้นที่แห้งแล้ว เป็นทะเลทราย ขาดป่าไม้ที่จะ
ช่วยขับน้ำ



แผนภูมิที่ 1 แสดงความสัมพันธ์ระหว่างประชากรกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม



 
1. ความสัมพันธ์ระหว่างประชากรกับสิ่งแวดล้อม




         จากที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่าประชากรมีความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมอย่างแนบแน่นซึ่งในอดีตปัญหา
สิ่งแวดล้อมยังไม่เกิดขึ้นมากนัก เนื่องจากประชากรในยุคนั้น ๆ มีชีวิตอยู่ภายใต้อิทธิพลของธรรมชาติความเปลี่ยน
แปลงทางด้านธรรมชาติและสภาวะแวดล้อมเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป จึงสามารถปรับสมดุลของตัวเองได้ แต่เมื่อ
ประชากรมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ความเจริญทางด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจและอุตสาหกรรมขยายตัวมากขึ้น ประชากร
ขวนขวายหาความสุขสบายมากขึ้น มีการใช้ทรัพยากรมากขึ้น และเกือบทุกประเทศต่างก็มุ่งพัฒนาทางด้าน
เศรษฐกิจกันอย่างจริงจัง ปัญหาสิ่งแวดล้อมจึงปรากฏให้เห็น

         
การเพิ่มจำนวนประชากรเพียงอย่างเดียว มิใช่เป็นตัวการที่ทำให้สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรมอย่างรวดเร็ว
แต่พฤติกรรมการกระทำของมนุษย์เพื่อตอบสนองความต้องการพื้นฐานในการปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นต่างหาก
ที่เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติถูกทำลายและสภาพแวดล้อมแปรปรวนไป

          จุดมุ่งหมายหลักของการพัฒนาประชากรของประเทศ คือ เพื่อให้ประชากรได้รับสวัสดิการและมีคุณภาพ
ชีวิตที่ดีอย่างเท่าเทียมกัน ประชากรจึงมีบทบาทสำคัญในการประเมินความต้องการของสังคมในเรื่องการจ้างงาน
การศึกษา การบริการด้านสุขภาพและที่อยู่อาศัย ความต้องการในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทางเศรษฐกิจสัมพันธ์กับ
จำนวนประชากรการกระจายความหนาแน่นของประชากรก็มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากร

          
เมื่อสภาพแวดล้อมทางกายภาพถูกทำลายหรือถูกใช้ไป ย่อมส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพ ที่อยู่
อาศัย การศึกษา การจ้างงานและรายได้ ทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น เมื่อเกิดมลพิษทางน้ำย่อมเป็นสาเหตุทำให้
เกิดโรคต่าง ๆ ดังนั้น โครงสร้างประชากรและสิ่งแวดล้อมจะต้องกล่าวถึงบทบาทของรัฐในการดำเนินการจัดใช้
ทรัพยากรธรรมชาติให้ถูกต้องและรอบคอบไปพร้อม ๆ กับการพัฒนาประเทศรวมทั้งนโยบายของชุมชน และการใช้
เทคโนโลยีใหม่ ทั้งนี้เพื่อให้การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอยู่ในขอบเขตที่จะไม่ก่อให้เกิดความ เสื่อมโทรมไปเร็วกว่านี้ หรือเพื่อให้เกิดปัญหากับสภาพแวดล้อมให้น้อยที่สุด ความสัมพันธ์ระหว่างประชากรกับสิ่งแวดล้อม สามารถสรุปเป็น
แผนภูมิได้ดังนี้








ภาพที่ 2.1 มนุษย์ยังเป็นตัวการสำคัญในการทำลายสภาพแวดล้อม 
แผนภูมิที่ 2 แสดงโครงสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประชากรกับสิ่งแวดล้อม








ที่มา : จดหมายข่าวประชากรศึกษาและสิ่งแวดล้อมศึกษา หน้า 6 ,เม.ย. – ก.ย. 2533




          จากโครงสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประชากรและสิ่งแวดล้อมจะเห็นได้ว่า มีตัวแปรพื้นฐานด้านประชากร
3 ตัว คือ การเกิด การตาย และการย้ายถิ่น ถ้ามองในภาพรวมตัวแปรดังกล่าวส่งผลต่อการบริโภคและบริการต่าง ๆ ซึ่งความต้องการดังกล่าวจัดหาได้ 2 ทาง คือ จากธรรมชาติ และการผลิตทางเศรษฐกิจซึ่งทั้ง 2 วิธี ส่งผลกระทบต่อ
สภาพแวดล้อมทางกายภาพ ทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ




ประชากรกับสิ่งแวดล้อม




          มนุษย์กำเนิดจากธรรมชาติและเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งแวดล้อม มนุษย์มิอาจแยกตัวเองจากสิ่งแวดล้อมได้เด็ดขาด มนุษย์นอกจากอาศัยพวกเดียวกันแล้วยังต้องอาศัยองค์ประกอบที่เรียกว่า ชีวบริเวณ คือ พื้นดิน พื้นน้ำ และบรรยากาศ หรืออาจรวมเรียกว่า สิ่งแวดล้อมธรรมชาติ มนุษย์พยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลงธรรมชาติเพื่อยังประโยชน์สุขแก่ตน โดยนำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้จำนวนมาก เป็นการทำลายระบบนิเวศวิทยา โดยลืมไปว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของระบบนั้น มนุษย์จึงได้รับผลกระทบจากการกระทำของตนเอง ดังนั้นมนุษย์ควรเข้าใจถึงฐานะและหน้าที่ของตนเอง ไม่ว่าการพัฒนาใด ๆ ถ้าหากจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรธรรมชาติเพื่อเป็นวัตถุดิบ
ต้องคำนึงถึงปัญหาการเสียสมดุลทางระบบนิเวศด้วย เพื่อไม่ให้การพัฒนานั้นย้อนกลับมาสร้างปัญหาต่อตัวมนุษย์เอง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการเกิดมลพิษทางสิ่งแวดล้อมหรือการขาดแคลนทรัพยากรในอนาคต ซึ่งมีวิธีการป้องกันและแก้ไขที่สำคัญ คือ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
          
การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ หมายถึง การจัดการของมนุษย์ในการใช้ชีวบริเวณ เพื่อให้ได้ประโยชน์ดีที่สุดและยั่งยืนทั้งแก่คนรุ่นปัจจุบันและรุ่นต่อไป ดังนั้น การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติจะครอบคลุมไปถึง
การสร้างสรรค์ การรวบรวม การสงานรักษา การใช้ประโยชน์ที่ยั่งยืน การทดแทน และการส่งเสริมทรัพยากร
ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้การอนุรักษ์เกี่ยวกับทรัพยากรที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตเป็นการนำทรัพยากรทุกประเภท
มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และใช้งานให้นานที่สุด แต่ต้องเป็นการใช้อย่างระมัดระวังด้วย








ภาพที่ 2.2 การช่วยกันปลูกต้นไม้เป็นอีกวิธีหนึ่งในการรักษาสภาพแวดล้อม




คุณภาพชีวิต




          คุณภาพชีวิต หมายถึง ชีวิตที่สุขภาพสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ สามารถปรับตนให้เข้ากับสภาวะ
แวดล้อมและสังคมที่ตนอยู่ได้อย่างดี ขณะเดียวกันก็สามารถดำรงชีวิตที่เป็นประโยชน์ให้กับตนเองสังคมและประเทศ
ชาติด้วย คุณภาพชีวิตเป็นนามธรรมยากแก่การที่จะระบุว่าแค่ไหน คือ คุณภาพชีวิตที่ดีที่พอใจ เกณฑ์การวัดจึง
แตกต่างกันออกไป ดังนั้นคณะกรรมการอำนวยการงานพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในชนบท (พชช.) จึงได้
กำหนดเกณฑ์ในการพิจารณาจากความจำเป็นพื้นฐาน (จปฐ.) ในการประเมินคุณภาพชีวิตของคนไทยชั้นพื้นฐานไว้ 9 หมวด คือ
            •  กินอาหารที่ถูกสุขลักษณะในปริมาณที่เพียงพอ
            •  มีที่อยู่อาศัยและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
            •  ได้รับบริการพื้นฐานที่จำเป็น
            •  มีความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
            •  มีการประกอบอาชีพและมีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีวิต
            •  สามารถควบคุมช่วงเวลาของการมีบุตรและจำนวนบุตร
            •  มีส่วนร่วมในการพัฒนาความเป็นอยู่และการกำหนดชีวิตของตนเองและชุมชน
            •  มีการพัฒนาจิตใจของตนเองให้ดีขึ้น
            •  มีจิตสำนึกและร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
            ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าคุณภาพของสิ่งแวดล้อมมีผลต่อคุณภาพชีวิตของประชากรในหลายด้าน ทั้งในด้านการมี
งานทำ มีรายได้ การศึกษา สุขภาพอนามัยที่อยู่อาศัย ตัวอย่างเช่น การที่มีบ้านพักอาศัยในสภาพสิ่งแวดล้อมไม่ดี เช่น อยู่ในบริเวณที่น้ำเน่าเสีย ทำให้เกิดเชื้อโรคสุขภาพอนามัยของผู้อยู่อาศัยไม่ดี ไม่สามารถทำงานได้ ทำให้ขาดรายได้ เป็นต้น 




ภาพที่ 2.3 ชุมชนแออัด




2. ความสัมพันธ์ระหว่างประชากร สิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิต




           มนุษย์เป็นทรัพยากรที่ต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ทั้งสัตว์และพืช มนุษย์และสิ่งแวดล้อมควรต้องอยู่ใน
สภาพสมดุล ถ้าประชากรมีเพิ่มมากขึ้นความต้องการอาหารและปัจจัยสี่ในการดำรงชีวิตซึ่งต้องแสวงหาจาก
สิ่งแวดล้อมก็มากขึ้นไปด้วย ทำให้มีการเร่งรัดเอาทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ให้มากที่สุด เพื่อเร่งปริมาณผลผลติให้
เพียงพอ โดยมิได้คำนึงถึงผลกระทบต่อความสมดุลของธรรมชาติ นำไปสู่การขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติ สภาพ
สิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรม และในที่สุดแทนที่คุณภาพชีวิตของมนุษย์จะดีขึ้น สะดวกสบายขึ้น กลับต้องเสี่ยงกับภาวะ
มลพิษรอบด้านที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นทุกคนต้องตระหนักว่า คุณภาพชีวิตไม่ได้อยู่กับทรัพยากรที่เราอุปโภคบริโภคเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับคุณภาพของสิ่งแวดล้อมอีกด้วย การพัฒนาที่ดีจะต้องคำนึงถึงผลกระทบของสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งยก
ระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นสูงขึ้นในทุกด้าน มากกว่าการเล็งผลทางด้านรายได้ เศรษฐกิจและอุตสาหกรรมแต่เพียง
ประการเดียว








ภาพที่ 2.4 เมื่อประชากรอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี ย่อมสงผลต่อคุณภาพชีวิตด้วย




3. สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม




            สาเหตุสำคัญที่มีส่วนทำให้สภาวะแวดล้อมของโลกเปลี่ยนแปลงไปดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน มีหลายประการ
ด้วยกัน เช่น
          1. การเพิ่มจำนวนของประชากรอย่างมากและรวดเร็ว ปัจจุบันประชากรโลกเพิ่มขึ้นรวมวินาทีละ
3 คน หรือประมาณ 90 -100 ล้านคนต่อปี และสำหรับประเทศไทยประชากรเพิ่มขึ้นปีละเกือบ 1 ล้านคน
ถึงแม้การรณรงค์เรื่องการวางแผนครอบครัวจะได้ผลดี แต่ปริมาณการเพิ่มของประชากรก็ยังอยู่ในอัตราทวีคูณ ความ
ต้องการบริโภคทรัพยากรจึงเพิ่มมากขึ้นทุกด้านไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหาร ที่อยู่อาศัย และพลังงานทำให้ประเทศ
ทั้งหลายโดยเฉพาะประเทศที่กำลังพัฒนาต้องเผชิญกับความยากไร้ ขาดแคลนอาหาร คนไม่มีงานทำเพิ่มมากขึ้น การขยายตัวของเมืองเป็นไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้มนุษย์พยายามเสาะแสวงหาและนำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ทุก
วิถีทาง ทำให้สภาพสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมลงทุกขณะ

         
2. ความต้องการใช้ทรัพยากรและวัตถุเพิ่มมากขึ้น การ ที่ประชากรเพิ่มมากขึ้น ประเทศต่าง ๆ จำเป็นต้องจัดหาปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตมนุษย์ เพื่อยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่และสวัสดิการของประชากร ส่วนใหญ่ประเทศกำลังพัฒนาจะนำทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่มาใช้อย่างปราศจาก การพิจารณาถึงผลกระทบด้านอื่น ๆ เช่น การทำลายป่าเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการทำเกษตรกรรม การใช้ปุ๋ยและยาฆ่าแมลงเพื่อเพิ่มผลผลิต รวมทั้งส่งทรัพยากรออกขายต่างประเทศเป็นจำนวนมาก เป็นต้น เพื่อหาเงินตรามาใช้ในการพัฒนาประเทศ ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติหมดไปอย่างรวดเร็ว ระบบนิเวศวิทยาได้รับความกระทบกระเทือนอย่างยิ่ง และนำไปสู่สภาพแวดล้อมที่ไม่พึงปรารถนา
         3. วิถีชีวิตของมนุษย์โดยเฉพาะพฤติกรรมของมนุษย์เกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อ
สนองความต้องการพื้นฐานในการดำรงชีวิตของมนุษย์ให้ดีขึ้น มนุษย์จึงได้ทำลายทรัพยากรต่าง ๆ เป็นจำนวน
มากอย่างต่อเนื่อง เช่น การตัดไม้ทำลายป่าเพื่อนำมาสร้างที่อยู่อาศัย ใช้ไม้ในการทำเชื้อเพลิงความต้องการใช้
พลังงานจากน้ำ เชื้อเพลิง แร่ธาตุ ฯลฯ การบุกรุกพื้นที่ป่า เพื่อใช้ที่ดินสำหรับการทำนา การเพาะปลูก ฯลฯ พฤติกรรม
และวิถีการดำรงชีวิตของประชากรในแต่ละประเทศจะเป็นตัวบ่งชี้อย่างหนึ่งของสภาพแวดล้อมในประเทศนั้น การใช้
ทรัพยากรธรรมชาติโดยปราศจากการพิจารณาอย่างรอบคอบถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ย่อมส่งผลต่อคุณภาพชีวิต
ของประชากรโดยตรง

         4. ความไม่ทัดเทียมในการกระจายตัวของประชากร การที่โรงงานอุตสาหกรรมและแหล่งความ
เจริญส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในเขตเมืองจึงเป็นแรงดึงดูดอย่างหนึ่งทำให้ประชากรในเขตชนบทอพยพเข้าสู่เขตเมือง ทั้งนี้
เพื่อแสวงหางานทำ เพื่อสภาพเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น การอพยพของคนจำนวนมากเข้าสู่เขตเมืองทำให้
สังคมในเมืองมีผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่น นำไปสู่สภาพความเป็นอยู่ที่แออัดการให้บริการด้านสาธารณูปโภค เช่น น้ำ
ประปาไฟฟ้า การเก็บขยะมูลฝอย ที่อยู่อาศัย ฯลฯ ไม่เพียงพอกับความต้องการนำไปสู่ความเสื่อมโทรมด้าน
สิ่งแวดล้อม เกิดปัญหาสุขภาพอนามัยและปัญหาสังคมอื่น ๆ ตามมาอีกด้วย

           
5. การใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ขาดมาตรการควบคุมที่ดีพอ เพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรให้
เพียงพอกับการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร มนุษย์ได้นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้อย่างมากมาย เช่น การใช้ปุ๋ยเคมี สารเคมี ในการเพาะปลูกและกำจัดศัตรูพืช การกระทำดังกล่าวเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจก็จริง แต่การทำให้มีสารพิษตก
ค้างทั้งในดิน ในน้ำ และในอากาศ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ สัตว์ พืช และทำให้ระบบนิเวศวิทยาเปลี่ยน
แปลงไป นอกจากนี้ยังเป็นการทำลายสมบัติของดิน ทำให้ดินเสื่อมสภาพ และส่งผลเสีย ทำให้มลภาวะด้านต่าง ๆ อยู่
ในระดับความรุนแรงที่เป็นอันตรายต่อสรรพสิ่งทั้งหลายอีกด้วย

          6. การพัฒนาเศรษฐกิจ ความต้องการพัฒนาประเทศด้านเศรษฐกิจและสังคม เป็นตัวกระตุ้นอย่างหนึ่ง
ให้รัฐเร่งรัดพัฒนาอุตสาหกรรม มีการกระทำดังกล่าวเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจก็จริง แต่ก็บำรุงรักษา ทำให้ทรัพยากร
สภาพเสื่อมโทรม ตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากความต้องการพัฒนาประเทศอย่าง รวดเร็ว คือ ประเทศไทย ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 1 – 3 ได้เน้นการขยายตัวด้านอุตสาหกรรมเป็น
หลัก ทำให้มีโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นอย่างมาก เช่น ในพ.ศ. 2512 มีจำนวนโรงงานอุตสาหกรรม 631 โรง แต่
เมื่อถึง พ.ศ. 2532 มีโรงงานอุตสาหกรรมถึง
51,500 โรง จนถึง พ.ศ. 2544 มีโรงงานเพิ่มขึ้นเป็น 102,723 โรง ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในเวลาเพียง 3 ปี
เท่านั้น และคาดว่าใน พ.ศ. 2544 จะมีโรงงานเพิ่มถึง 59 % การเพิ่มขึ้นอย่างมากของโรงงานอุตสาหกรรมก่อให้
เกิดความเสียหายต่อสภาพแวดล้อมอย่างกว้างขวาง เช่น ปัญหามลพิษทางน้ำ มลพิษทางอากาศ ปัญหาสารเคมีและ
การอุตสาหกรรม เป็นต้น นอกจากนั้นการบีบคั้นทางด้านเศรษฐกิจก็เป็นแรงผลักดันทำให้คนบางกลุ่มฉวยโอกาส
กอบโกยผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ จนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถูกทำลายจนเสียสมดุล




4. ภาวะประชากรและปัญหาสิ่งแวดล้อม




           ภาวะประชากร หมายถึง รายละเอียดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประชากรในด้านจำนวนประชากรการ
เจริญพันธุ์หรือการเกิด และการตาย ดังได้กล่าวแล้วในรายละเอียดข้างต้น
            
การเพิ่มของประชากรโลกเมื่อเปรียบเทียบเป็นรายประเทศแล้ว พบว่าแตกต่างกันไปบ้างซึ่งเราสามารถ
แยกความแตกต่างของอัตราการเพิ่มของประชากรได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ ตามสภาพการพัฒนาของประเทศ คือ
กลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว เช่น ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ประเทศในทวีปยุโรป เป็นต้น อัตราการเพิ่มประชากรในกลุ่มนี้
ค่อนข้างต่ำ คือ ร้อยละ 1 ต่อปี และ กลุ่มประเทศกำลังพัฒนา เช่น ประเทศในทวีปแอฟริกา ประเทศในทวีปเอเชีย รวมทั้งไทยด้วย อัตราการเพิ่มประชากรในกลุ่มนี้ค่อนข้างสูง คือสูงกว่าร้อยละ 1 ต่อปีขึ้นไป ซึ่งกลุ่มประเทศทั้ง 2 ก็มี
ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมแตกต่างกันไป

           1. ประชากร การอุตสาหกรรม และสิ่งแวดล้อมในประเทศพัฒนาแล้วปัญหาสิ่งแวดล้อมมิได้
เกิดขึ้นเฉพาะประเทศที่กำลังพัฒนาเท่านั้น ประเทศที่พัฒนาแล้วก็มีปัญหา เช่นกัน ถึงแม้ว่าประเทศเหล่านั้นจะมี
เทคนิคและวิทยาการที่จะให้ได้มาซึ่งอาหารที่เพียงพอแก่ความต้องการของประชากรที่มีอยู่ และอัตราเพิ่มของ
ประชากรจะไม่สูงเท่าประเทศกำลังพัฒนาก็ตาม แนวโน้มที่พบทั้งในประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนาก็
คือ ชุมชนเมืองขยายตัวและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วเนื่องจากประชากรในเขตเมืองเพิ่มจำนวนขึ้นทุกขณะ และมี
แนวโน้มเพิ่มมากขึ้นอีกในอนาคต รวมทั้งมีประชากรย้ายถิ่นเข้ามาเป็นจำนวนมาก
             
การเปลี่ยนแปลงการกระจายตัวประชากรในเขตเมืองทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ
ของเขตเมือง เพราะเขตเมืองจำนวนมากจะพัฒนาเศรษฐกิจโดยใช้การผลิตทางอุตสาหกรรมเป็นหลัก เพื่อตอบ
สนองให้ทันกับความต้องการในการบริโภคของประชากรที่เพิ่มขึ้น ทำให้เขตเมืองเป็นที่รวมของแรงงานประชากรที่
ย้ายถิ่นจากพื้นที่หลายส่วนของประเทศเกิดสภาพความแออัดและเสื่อมโทรม ทำให้สภาวะแวดล้อมในเขตเมืองได้
รับผลกระทบอย่างหนักจากการที่ประชากรอพยพเข้ามามาก และเกิดภาวะมลพิษขึ้นอ้นเป็นผลกระทบจากการ
คิดค้นเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการเร่งรัดการผลิตทางอุตสาหกรรม








การเพิ่มจำนวนประชากรเป็นปัญหาหลักที่โยงใยไปถึงคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม เช่น ปัญหาขีดจำกัด
ของทรัพยากรที่คนต้องใช้ในการดำรงชีวิตปัญหาการรักษาระดับความกว้าวหน้าทางเศรษฐกิจกับการทรุดโทรมของ
สภาพแวดล้อมที่จะตามมา ผลสะท้อนของการพัฒนาอุตสาหกรรมโดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนาจะเกิดมลพิษสูง
และรุนแรงกว่าประเทศพัฒนาแล้ว สำหรับประเทศไทยปัญหาที่จะพบในอนาคตคือ การขาดแคลนที่ดินสำหรับการ
เกษตร ปัญหาเครื่องอุปโภคมีราคาแพงสืบเนื่องจากอุปสงค์มีมากกว่าอุปทาน และปัญหาพลังงานเชื้อเพลิงที่ทั้งขาด
แคลนและมีราคาแพง




5. ประชากร การเกษตร และสิ่งแวดล้อมในประเทศกำลังพัฒนา




           ในประเทศกำลังพัฒนา เช่น ประเทศไทยประชากรส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรมที่ต้องใช้ประโยชน์จาก
พื้นดินเป็นส่วนใหญ่ เมื่อประชากรเพิ่มจำนวนมากขึ้น เนื่องจากอัตราเพิ่มประชากรสูงก็ยิ่งทำให้เกิดปัญหาและแรง
กดดันในเรื่องทำมาหากินมากขึ้น โดยพื้นที่ใดมีประชากรมากเกินไป หรือการแบ่งสรรที่ดินเป็นไปอย่างไม่เท่าเทียม
กันก็จะทำให้เกิดแรงกดดันที่ประชากรบางส่วนต้องย้ายออกจากพื้นที่ เพื่อแสวงหาที่ดินทำกินเพิ่มขึ้นให้เพียงพอแก่
ความต้องการ ทั้งเพื่อที่จะใช้บริโภคเองและเพื่อผลิตเป็นสินค้าส่งออกสำหรับประชากรที่ยากจนไม่มีที่ดินเป็นของตน
เองนั้นก็จะถูกบังคับกลาย ๆ ให้เป็นผู้ทำลายแหล่งทรัพยากรที่มีอยู่ในพื้นที่อันจำกัดนั้นในรูปของการทำไร่เลื่อนลอย
เผา และถากถางพื้นที่ป่า การบุกรุกพื้นที่ป่าของประชากรที่ยากจนเพื่อแสวงหาอาหาร น้ำ เชื้อเพลิง และอาหาร
สำหรับสัตว์เลี้ยง ประกอบกับความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของกลุ่มประชากรนี้ทำให้เกิดการทำลายป่าไม้จำนวนมหาศาลใน
อัตราที่รวดเร็วเกินกว่าที่จะสามารถปลูกทดแทนได้ทัน โดยเฉพาะวิธีการถากถางพื้นที่ป่าไม้เพื่อหาที่ทำกินด้วยการ
เผา เป็นวิธีการที่เร่งให้เกิดความเสื่อมโทรมทางสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรอย่างมาก เพราะส่งผลให้ผิวดินสูญเสีย
ความอุดมสมบูรณ์ เป็นการทำลายเศรษฐกิจในระยะยาว การทำลายป่าอย่างกว้างขวางและต่อเนื่องเป็นเวลานานจะ
ทำให้เกิดความแห้งแล้ง มีผลทำให้เกิดการขยายตัวของพื้นที่ที่กลายเป็นทะเลทรายออกไปในวงกว้างขึ้นทุกที และ
เมื่อประชากรเพิ่มมากขึ้นก็จะนำไปสู่การทำลายทรัพยากรทั้งพืชและสัตว์ ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศ
และระบบนิเวศ
           
นอกจากนี้การเพิ่มของประชากรยังก่อให้เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมตามอีกด้วย ปัญหาทาง
เศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ปัญหาการว่างงาน และปัญหาการมีรายได้ต่ำหรือไม่มีรายได้ ส่วนปัญหาทางสังคม คือ
ประชากรขาดที่พักอาศัย ขาดแคลนอาหาร สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการสาธารณูปโภคมีให้ไม่เพียงพอ และ
ปัญหาสังคมอื่น ๆ เช่น โจรผู้ร้าย อาชญากรรม ยาเสพย์ติด โสเภณี เป็นต้น




6. ประชากร การเกษตรและอุตสาหกรรม และสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย




            ประเทศไทยมีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นมากในอดีต แต่ปัจจุบันมีแนวโน้มลดลงตามลำดับ จากแผน
ภูมิการเพิ่มประชากรข้างล่างนี้จะเห็นว่า การเพิ่มประชากรจาก พ.ศ. 2513 ถึง พ.ศ. 2523 เท่ากับ 12.57 ล้านคน แต่จากพ.ศ. 2523 ถึง พ.ศ. 2533 เท่ากับ 5.69 ล้านคน ในช่วงระยะเวลา 10 ปีเท่ากัน ทั้งๆ ฐานประชากรม
ีมากขึ้น แสดงว่านโยบายลดจำนวนประชากรของประเทศประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง
            อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังคงต้องมีมาตรการลดจำนวนการเกิดให้น้อยลงอีก และลดจำนวนการตาย
ให้น้อยลงด้วย ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะประเทศไทยมีประชากรที่ประสบกับความอดอยากหรือขาดแคลนอาหารในทางตรง
ข้ามประเทศไทยยังมีผลผลิตทางการเกษตรที่เหลือส่งออกหลายชนิด แต่ถ้าพิจารณาเฉพาะพื้นที่อาจพบบริเวณที่ประชากรยังมีความอดอยากมากบ้างน้อยบ้างกระจายอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะในเขตชนบทยากจนที่มีลักษณะทางกายภาพ สังคม และเศรษฐกิจเป็นปัจจัยจำกัดในการเพาะปลูก ซึ่งถ้าปล่อยให้มีการเพิ่มประชากรโดยปราศจากการควบคุม ในไม่ช้าประชากรส่วนใหญ่ของประเทศก็จะประสบกับสภาวะขาดแคลนอาหารได้ดังนั้นรัฐจึงต้องหามาตรการควบคุมการเพิ่มของประชากรที่ดี เพื่อเป็นการลดความต้องการเพิ่มของประชากรที่ดี เพื่อความเป็นการ
ลดความต้องการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและรัฐควรหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรด้วย




ภาพที่ 2.6 การทำไร่เลือนลอยและบุกรุกป่า อีกปัญหาหนึ่งของสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย



           มนุษย์ได้เปรียบกว่าสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ที่มีความสามารถและประสบความสำเร็จในด้านการสร้างสภาพ
แวดล้อมใหม่ให้กับตนเอง เพื่อการอยู่อาศัยได้ในหลาย ๆ ท้องที่ไม่ว่าจะเป็นที่ร้อนหรือหนาว ซึ่งความร้อนความหนาว
ของอากาศไม่เป็นอุปสรรคต่อการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ เพราะมนุษย์สามารถใช้เทคโนโลยีในการป้องกันผลกระทบ
จากดินฟ้าอากาศได้
           
นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการเรียนรู้ พัฒนา เปลี่ยนแปลง และประยุกต์เครื่องมือเครื่องใช้ใหม่ ๆ
ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมีขึ้นมาใช้ในการเกษตร มีการเสาะหาพืชพันธุ์ใหม่ พันธุ์สัตว์ที่สามารถให้ผลผลิตมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้มนุษย์เรามีอิทธิพลในการควบคุมหรือกำหนดทิศทางของธรรมชาติได้มิใช่น้อย ดังนั้นมนุษย์จะต้องตระหนักว่า การพัฒนาเทคโนโลยีใด ๆ ก็ตาม จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะมนุษย์เป็นส่วน
หนึ่งของสิ่งแวดล้อมเท่านั้น


ไม่มีความคิดเห็น: